เทคนิคการเพาะเลี้ยงและการใช้หนอนแดง
หนอนแดงเป็นอาหารธรรมชาติ ที่มีประโยชน์ต่อการเลี้ยงปลาสวยงามอย่างมาก เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เหมาะสำหรับเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์เพื่อให้มีการพัฒนาของเซลล์สืบพันธุ์ที่ดี และเป็นอาหารที่ปลาสวยงามส่วนใหญ่ชอบกิน เป็นอาหารที่นิยมใช้ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เพราะทำให้ปลาเจริญเติบโตเร็ว มีสีสันสดใส ไม่ทำให้น้ำเน่าเสียหรือมีตะกอนมากเหมือนกับอาหารธรรมชาติบางชนิด แต่เนื่องจากหายากและมีราคาค่อนข้างแพง จึงนิยมใช้เลี้ยงเฉพาะปลาที่มีราคาแพงหรือกินอาหารสำเร็จรูปยาก เช่น ปลาปอมปาดัวร์และปลาเทวดา ในอดีตจะรวบรวมหนอนแดงได้จากพื้นก้นแหล่งน้ำ โดยเฉพาะแหล่งน้ำเสียแต่ปัจจุบันหาได้ยากขึ้น ในขณะที่ความต้องการหนอนแดงกลับมีมากขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้มีการเพาะเลี้ยงหนอนแดงเป็นการค้าขึ้นมาเช่นกัน
4.1 การจัดลำดับทางอนุกรมวิธาน หนอนแดงจัดเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังประเภทสัตว์หน้าดิน (Benthos) จะอาศัยอยู่ตามพื้นก้นบ่อหรือแหล่งน้ำทั่วๆไป หนอนแดงเป็นตัวอ่อนของแมลงที่มีลักษณะคล้ายยุง เรียกว่า “ริ้น” มีทั้งชนิดที่เป็นน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม ชนิดที่พบมากในน้ำจืดมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Chironomous spp. มีลักษณะคล้ายยุงแต่มีขายาวกว่า ไม่ทำอันตรายหรือดูดเลือดมนุษย์ ริ้นเพศเมียไม่ต้องการเลือดเป็นอาหารเหมือนยุงเพศเมีย ส่วนริ้นเพศผู้มีหัวเล็กและมีหนวดเป็นพู่(Plumose) ริ้นพวกนี้มักชอบเกาะอยู่ตามที่มืดชายน้ำ แล้วเพศเมียจะวางไข่ตามผิวน้ำ ลักษณะไข่จะมีวุ้นหุ้มต่อกันเป็นสาย เกาะติดอยู่ตามลำต้นหรือใบของพันธุ์ไม้น้ำตามผิวน้ำ โดยจะวางไข่คราวละ 400 - 500 ฟอง ใช้เวลาฟักตัวประมาณ 50 ชั่วโมง ตัวอ่อนที่ออกจากไข่มีความยาวประมาณ 1.0 มิลลิเมตร และเมื่อโตเต็มวัยจะมีขนาดประมาณ 1.0 - 1.2 เซนติเมตร หนอนแดงที่พบโดยทั่วไปมีชื่อสามัญว่า Midge แต่เนื่องจากลำตัวมักมีสีแดงสด จึงอาจเรียกว่า Blood Worm จัดลำดับชั้นได้ดังนี้
Phylum : Arthropoda
Class : Insecta
Order : Diptera
Family : Chironomidae
Genus : Chironomus
4.2 ลักษณะภายนอก หนอนแดงมีลำตัวยาว ส่วนหัวแยกจากลำตัวชัดเจน และมีตาเห็นเป็นจุดสี
ดำ 1 คู่ ส่วนอกขยายใหญ่ มีอวัยวะหายใจยื่นยาวออกมาเป็นท่อเล็กๆ 1 คู่ มีอวัยวะทำหน้าที่คล้ายขา (Pseudopods หรือ False Legs) อยู่ 2 คู่ คู่แรกอยู่ที่ปล้องแรกของส่วนอก คู่ที่ 2 อยู่ที่ปล้องสุดท้ายของส่วนท้อง นอกจากนั้นหนอนแดงยังสามารถว่ายน้ำได้ โดย
การบิดตัวไปมา
4.3 วงชีวิต
ภาพ แสดงวงชีวิตของหนอนแดง
4.4 การเพาะเลี้ยงหนอนแดง ส่วนใหญ่นิยมใช้บ่อดินเพราะจะให้ผลผลิตค่อนข้างสูง มีขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่ 1 การเตรียมบ่อ ขนาดที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง 1,000 - 1,600 ตารางเมตร ปรับคันบ่อให้สามารถเก็บน้ำได้ประมาณ 30 เซนติเมตร หว่านด้วยปูนขาวประมาณ 10 - 15 กิโลกรัม ตากบ่อไว้ประมาณ 1 สัปดาห์
ขั้นที่ 2 หว่านปุ๋ย ใช้ปุ๋ยมูลสัตว์ ซึ่งที่นิยมใช้กันในปัจจุบันได้แก่มูลไก่แห้ง ปริมาณ 1,000 - 1,500 กิโลกรัม หว่านกระจายให้ทั่วบ่อ แล้วเติมน้ำเข้าบ่อให้ได้ระดับ 30 เซนติเมตร ริ้นน้ำจืดจะมาวางไข่ติดตามต้นและใบหญ้าบริเวณผิวน้ำที่ขอบบ่อ หลังจากนั้นประมาณ 2 วัน ตัวอ่อนของริ้นน้ำจืดจะฟักตัวออกจากไข่ ซึ่งจะพอดีกับที่บ่อจะมีแบคทีเรีย และ แพลงตอนต่างๆซึ่งเกิดจากการใส่มูลไก่ ตัวอ่อนจะได้รับอาหารเจริญเติบโตและสร้างปลอกอยู่ตามพื้นก้นบ่อ ในเวลา 7 - 10 วันจะมีขนาดประมาณ 1.0 เซนติเมตร เหมาะที่จะนำไปใช้ในการเลี้ยงปลาสวยงาม
ขั้นที่ 3 การเก็บผลผลิต จะเริ่มเก็บเกี่ยวหนอนแดงประมาณวันที่ 10 - 15 หลังจากเติมน้ำ ซึ่งจะขึ้นกับฤดูกาล วิธีการเก็บรวบรวมหนอนแดง ตอนแรกจะใช้สวิงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 40 - 50 เซนติเมตร ทำด้วยผ้าไนล่อนสีฟ้าขนาดช่องตาประมาณ 1 - 2 มิลลิเมตร ช้อนลงไปที่พื้นก้นบ่อให้ลึกลงไปในดินประมาณ 2 - 3 เซนติเมตร แล้วทำการร่อนโดยเขย่าสวิงไปมาบริเวณผิวน้ำ จะทำให้ดินและโคลนที่ถูกช้อนขึ้นมากระจายตัวผ่านไนล่อนของสวิงออกไป ส่วนหนอนแดงถึงแม้ขนาดของลำตัวจะเล็กพอที่จะลอดช่องตาออกไปได้เช่นกัน แต่เนื่องจากมีความยาวและชอบม้วนตัว จึงทำให้ไม่สามารถลอดออกไปได้ ดังนั้นในสวิงจะเหลือเศษวัสดุที่มีขนาดใหญ่ เช่น ใบไม้ ขนไก่ รวมทั้งหนอนแดง ก็ใช้กระชอนผ้าขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 เซนติเมตร ช้อนทั้งหมดไปใส่ภาชนะไว้แล้วเก็บเศษวัสดุที่ไม่ต้องการออก ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆจนทั่วทั้งบ่อ
ขั้นที่ 4 การปรับสภาพบ่อ เมื่อทำการเก็บเกี่ยวหนอนแดงเสร็จแล้ว ระบายน้ำในบ่อทิ้งให้ลดระดับลงประมาณ 10 เซนติเมตร จากนั้นหว่านด้วยมูลไก่แห้งอีก 200 - 300 กิโลกรัมแล้วเติมน้ำให้ได้ระดับเดิม
จากนั้นจะสามารถดำเนินการตามขั้นที่ 3 และ 4 อีก โดยสามารถทำได้ประมาณ 3 ครั้ง ซึ่งจะได้ผลผลิตหนอนแดงประมาณ 200 กรัม / ตารางเมตร / ครั้ง ใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 30 วัน เก็บเกี่ยวหนอนแดงได้ 3 ครั้ง
ขั้นที่ 5 การเตรียมบ่อ จะดำเนินการย้อนกลับไปขั้นที่ 1 โดยควรตากบ่อไว้นานประมาณ 10 - 15 วัน แล้วดำเนินการต่อไปตามขั้นตอน
ขั้นที่ 1 การเตรียมบ่อ ขนาดที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง 1,000 - 1,600 ตารางเมตร ปรับคันบ่อให้สามารถเก็บน้ำได้ประมาณ 30 เซนติเมตร หว่านด้วยปูนขาวประมาณ 10 - 15 กิโลกรัม ตากบ่อไว้ประมาณ 1 สัปดาห์
ขั้นที่ 2 หว่านปุ๋ย ใช้ปุ๋ยมูลสัตว์ ซึ่งที่นิยมใช้กันในปัจจุบันได้แก่มูลไก่แห้ง ปริมาณ 1,000 - 1,500 กิโลกรัม หว่านกระจายให้ทั่วบ่อ แล้วเติมน้ำเข้าบ่อให้ได้ระดับ 30 เซนติเมตร ริ้นน้ำจืดจะมาวางไข่ติดตามต้นและใบหญ้าบริเวณผิวน้ำที่ขอบบ่อ หลังจากนั้นประมาณ 2 วัน ตัวอ่อนของริ้นน้ำจืดจะฟักตัวออกจากไข่ ซึ่งจะพอดีกับที่บ่อจะมีแบคทีเรีย และ แพลงตอนต่างๆซึ่งเกิดจากการใส่มูลไก่ ตัวอ่อนจะได้รับอาหารเจริญเติบโตและสร้างปลอกอยู่ตามพื้นก้นบ่อ ในเวลา 7 - 10 วันจะมีขนาดประมาณ 1.0 เซนติเมตร เหมาะที่จะนำไปใช้ในการเลี้ยงปลาสวยงาม
ขั้นที่ 3 การเก็บผลผลิต จะเริ่มเก็บเกี่ยวหนอนแดงประมาณวันที่ 10 - 15 หลังจากเติมน้ำ ซึ่งจะขึ้นกับฤดูกาล วิธีการเก็บรวบรวมหนอนแดง ตอนแรกจะใช้สวิงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 40 - 50 เซนติเมตร ทำด้วยผ้าไนล่อนสีฟ้าขนาดช่องตาประมาณ 1 - 2 มิลลิเมตร ช้อนลงไปที่พื้นก้นบ่อให้ลึกลงไปในดินประมาณ 2 - 3 เซนติเมตร แล้วทำการร่อนโดยเขย่าสวิงไปมาบริเวณผิวน้ำ จะทำให้ดินและโคลนที่ถูกช้อนขึ้นมากระจายตัวผ่านไนล่อนของสวิงออกไป ส่วนหนอนแดงถึงแม้ขนาดของลำตัวจะเล็กพอที่จะลอดช่องตาออกไปได้เช่นกัน แต่เนื่องจากมีความยาวและชอบม้วนตัว จึงทำให้ไม่สามารถลอดออกไปได้ ดังนั้นในสวิงจะเหลือเศษวัสดุที่มีขนาดใหญ่ เช่น ใบไม้ ขนไก่ รวมทั้งหนอนแดง ก็ใช้กระชอนผ้าขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 เซนติเมตร ช้อนทั้งหมดไปใส่ภาชนะไว้แล้วเก็บเศษวัสดุที่ไม่ต้องการออก ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆจนทั่วทั้งบ่อ
ขั้นที่ 4 การปรับสภาพบ่อ เมื่อทำการเก็บเกี่ยวหนอนแดงเสร็จแล้ว ระบายน้ำในบ่อทิ้งให้ลดระดับลงประมาณ 10 เซนติเมตร จากนั้นหว่านด้วยมูลไก่แห้งอีก 200 - 300 กิโลกรัมแล้วเติมน้ำให้ได้ระดับเดิม
จากนั้นจะสามารถดำเนินการตามขั้นที่ 3 และ 4 อีก โดยสามารถทำได้ประมาณ 3 ครั้ง ซึ่งจะได้ผลผลิตหนอนแดงประมาณ 200 กรัม / ตารางเมตร / ครั้ง ใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 30 วัน เก็บเกี่ยวหนอนแดงได้ 3 ครั้ง
ขั้นที่ 5 การเตรียมบ่อ จะดำเนินการย้อนกลับไปขั้นที่ 1 โดยควรตากบ่อไว้นานประมาณ 10 - 15 วัน แล้วดำเนินการต่อไปตามขั้นตอน
การเก็บรักษาหนอนแดง กระทำได้ 5 วิธี คือ
4.4.1 การเก็บสด จะเก็บหรือเลี้ยงหนอนแดงในภาชนะ เช่นกะละมังขนาดใหญ่ ให้อากาศเช่นเดียวกับการเลี้ยงปลา แล้วใช้อาหารผงที่ใช้สำหรับอนุบาลลูกปลาดุกเป็นอาหารเลี้ยงหนอนแดง จะเลี้ยงหนอนแดงไว้ได้อย่างดี ถึงแม้หนอนแดงบางส่วนจะลอกคราบ กลายเป็นหัวโม่ง เพื่อจะลอกคราบอีกครั้งแล้วกลายเป็นตัวเต็มวัย หนอนแดงที่กลายเป็นหัวโม่งสามารถช้อนไปเป็นอาหารปลาได้ดี เพราะในระยะที่เป็นหัวโม่งหนอนแดงจะชอบอยู่ที่ผิวน้ำ ทำให้ช้อนได้ง่ายและปลาชอบกินด้วย
4.4.1 การเก็บสด จะเก็บหรือเลี้ยงหนอนแดงในภาชนะ เช่นกะละมังขนาดใหญ่ ให้อากาศเช่นเดียวกับการเลี้ยงปลา แล้วใช้อาหารผงที่ใช้สำหรับอนุบาลลูกปลาดุกเป็นอาหารเลี้ยงหนอนแดง จะเลี้ยงหนอนแดงไว้ได้อย่างดี ถึงแม้หนอนแดงบางส่วนจะลอกคราบ กลายเป็นหัวโม่ง เพื่อจะลอกคราบอีกครั้งแล้วกลายเป็นตัวเต็มวัย หนอนแดงที่กลายเป็นหัวโม่งสามารถช้อนไปเป็นอาหารปลาได้ดี เพราะในระยะที่เป็นหัวโม่งหนอนแดงจะชอบอยู่ที่ผิวน้ำ ทำให้ช้อนได้ง่ายและปลาชอบกินด้วย
4.4.2 การเก็บแห้ง ใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำให้ชุ่มแล้วห่อหนอนแดงไว้ จากนั้นเอาใส่ภาชนะเก็บไว้ในตู้เย็นหรือถังโฟม ให้มีอุณหภูมิประมาณ 10 - 15 องศาเซลเซียส จะเก็บไว้ได้ 3 - 5 วันโดยที่หนอนแดงยังมีชีวิตอยู่
4.4.3 การเก็บแช่แข็ง จะเก็บหนอนแดงโดยการรวบรวมใส่ถุงพลาสติกหรือใส่กล่องพลาสติกแล้วนำไปแช่แข็ง วิธีนี้หนอนแดงจะตายหมด แต่ยังสดและมีคุณค่าทางอาหารดีอยู่ เมื่อนำไปเลี้ยงปลาก็ยังชอบกินเช่นเดิม
4.4.4 การแช่แข็งแบบพิเศษ เป็นการเก็บรักษาหนอนแดงเพื่อการส่งออก โดยการแช่แข็งด้วยไนโตรเจนเหลว วิธีนี้หนอนแดงจะฟื้นประมาณ 40 % แต่จะไม่แข็งแรงเพียงแต่มีการเคลื่อนไหวทำให้ปลาชอบกิน
4.4.5 การอบแห้ง เป็นการเก็บหนอนแดงโดยการอบแห้งแล้วบรรจุกระป๋องสุญญากาศ เป็นวิธีการที่นิยมทำเป็นการค้าในปัจจุบัน หนอนแดงที่ผ่านการอบแห้งแล้วนี้ปลายังชอบกินเช่นกัน
4.4.5 การอบแห้ง เป็นการเก็บหนอนแดงโดยการอบแห้งแล้วบรรจุกระป๋องสุญญากาศ เป็นวิธีการที่นิยมทำเป็นการค้าในปัจจุบัน หนอนแดงที่ผ่านการอบแห้งแล้วนี้ปลายังชอบกินเช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น